⦿ เรียนขับรถกับทางโรงเรียนแล้วได้ใบขับขี่เลยหรือไม่?
>> ทางโรงเรียนจะออกเป็น หนังสือรับรองผลการเรียน เมื่อผู้เรียน เรียนจบตามที่โรงเรียนฯ กำหนด โดยผู้เรียนที่ได้รับหนังสือรับรองฯ สามารถนำหนังสือรับรองไปแสดง ต่อนายทะเบียน ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือ กรมการขนส่งทางบก เพื่อที่จะขอออกใบอนุญาตขับรถ หรือ ใบขับขี่ โดยไม่ต้องทำการสอบอีก เพียงไปถ่ายรูปทำบัตร เนื่องด้วยตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ผู้ที่สามารถออกใบอนุญาตขับรถได้จะต้องเป็น เจ้าหน้าที่นายทะเบียน จากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
⦿ เรียนขับรถกับทางโรงเรียนแล้ว ต้องไปสอบที่ขนส่งอีกหรือไม่?
>> ผู้เรียน “ไม่ต้อง” ไปสอบที่ขนส่งอีก เนื่องจากผู้เรียนสามารถเรียน อบรม และสอบที่โรงเรียนได้เมื่อทำการเรียนครบชั่วโมงตามหลักสูตรที่ทางกรมการขนส่งทางบกกำหนด โดยทางโรงเรียนได้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบก ให้โรงเรียนสอนขับรถ ดำเนินการสอนขับรถ พร้อมให้สิทธิ์ในการสอบใบขับขี่ ได้ ตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบก เมื่อผู้เรียนสอบเสร็จ สามารถนำหนังสือรับรองไปยื่นทำใบขับขี่ได้โดยที่ไม่ต้องไปสอบที่ขนส่งอีก
⦿ ในการเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ ใช้เวลานานเท่าไหร่?
>> หลักสูตรสอนขับรถยนต์ 15 ชม.
ทางโรงเรียนขอแบ่งตามพื้นฐานของผู้เรียน โดยโรงเรียนขอทำการแนะนำ ดังนี้
‣ ผู้เรียนไม่มีพื้นฐานมาก่อน หรือขับรถไม่เป็นเลย ขอแนะนำให้ เรียน วันละไม่เกิน 2-4 ชม./วัน สำหรับภาคปฏิบัติ ส่วนภาคทฤษฏี 5 ชม. สามารถเรียนให้ครบชั่วโมงได้เลย
‣ ผู้เรียนที่มีพื้นฐานมาบ้างแล้ว หรือ ขับรถอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่มีขับขับขี่ ขอแนะนำให้เรียนพร้อมสอบ 2 วันจบ
>> หลักสูตรสอนขับรถจักรยานยนต์ 15 ชม.
ในส่วนของการเรียนขับรถจักรยานยนต์พร้อมสอบใบขับขี่ จะใช้เวลาเรียน 2 วันจบ
⦿ เอกสารประกอบการสมัครเรียน มีอะไรบ้าง?
>> ในการสมัครเรียน ผู้เรียนจะต้องนำเอกสารดังต่อไปนี้มาในวันที่เข้ามาสมัครเรียนที่โรงเรียน ดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริง
- รูปถ่ายหน้าตรง (ไม่เกิน 6 เดือน) ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
- ใบรับรองแพทย์ (ไม่เกิน 1 เดือน)
⦿ คุณสมบัติของผู้เรียน และผู้ขอใบอนุญาตขับขี่ มีอะไรบ้าง?
>> คุณสมบัติผู้สมัคร และผู้ขอใบขับขี่รถยนต์
- อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
- ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
- ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
>> คุณสมบัติผู้สมัคร และผู้ขอใบขับขี่รถจักรยานยนต์
- รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบรวมกันไม่เกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร
- อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
- ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
- ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
- ไม่อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
⦿ ใบขับขี่หมดอายุ หรือ หมดอายุเกิน 1 ปี ต้องทำอย่างไร?
>> ในการต่ออายุใบขับขี่นั้น ท่านสามารถทำการต่ออายุล่วงหน้าได้ ภายในไม่เกิน 90 วัน (5 ปี -> 5 ปี) หรือ 60 วัน (2 ปี -> 5 ปี) ก่อนวันหมดอายุบัตร แต่ถ้าท่านลืมต่ออายุ โดยใบอนุญาตขับขี่หมดอายุนั้น จะสามารถแบ่งตามกรณีได้ ดังนี้
- ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี (นับตั้งแต่วันหมดอายุ) กรณีใบขับขี่สิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี สามารถเข้ารับการต่อใบขับขี่ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าปรับแต่อย่างใด
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องเพิ่มขั้นตอนการทดสอบข้อเขียนใหม่อีกครั้งผ่านระบบ E-exam จำนวน 50 ข้อ และต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบจำนวน 45 ข้อขึ้นไป หรือคิดเป็น 90% หากสอบไม่ผ่านจะต้องเข้ารับการทดสอบใหม่อีกครั้ง
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป กรณีใบขับขี่หมดอายุเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป จะต้องทำการดำเนินการอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถ เหมือนกับการทำใบขับขี่ใหม่ทุกประการ
เพราะฉนั้น ท่านจึงควรหมั่นตรวจเช็ควันหมดอายุของใบขับขี่อยู่ตลอด เพราะ การต่ออายุใบขับขี่ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เนื่องจากท่านอาจเสียค่าปรับจากใบขับขี่หมดอายุได้ โดยเสียค่าปรับสูงสุด 2,000 บาท
⦿ ชาวต่างชาติ สามารถ เรียนและสอบใบขับขี่ได้หรือไม่ แล้วต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
>> สามารถเรียนพร้อมสอบใบขับขี่ได้ ถ้ามีเอกสารครบตามที่ กรมการขนส่งทางบก กำหนด โดยเอกสารที่ใช้ทำใบขับขี่ สำหรับชาวต่างชาติ ประกอบไปด้วย ดังนี้
1. Passport ตัวจริงพร้อมสำเนา
2. หนังสือรับรองการทำงาน (Work Permit) / กรณีไม่ได้ทำงานต้องใช้หนังสือรับถิ่นที่อยู่จาก ตรวจคนเข้าเมืองหรือสถานฑูต
3. ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 1 เดือน
4. ภายถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 3 รูป
