หลักสูตรเสริม เพิ่มทักษะ

หลักสูตรสอนขับรถเสริม เพิ่มทักษะ

หลักสูตรรถยนต์

ผู้สมัครเรียน จะต้องมี อายุ 18 ปีบริบูรณ์ และมีคุณสมบัติตามกรมการขนส่งทางบก กำหนด โดยต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพ ร่างกาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเบื้องต้น 4 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  • การทดสอบปฏิกิริยาทางเท้า
    • ทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้า 3 ครั้ง ในระยะเวลา น้อยกว่า หรือ เท่ากับ 0.75 วินาที หากสามารถทำได้ สองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
  • การทดสอบสายตาทางลึก-ทางกว้าง ตาบอดสี
    • ทดสอบสายตาทางกว้าง ถ้าผู้เข้ารับการทดสอบสามารถมองเห็นทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เป็นมุม กว้างข้างละตั้งแต่ 75 องศา สองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
    • การทดสอบสายตาทางลึก ให้ทดสอบการมองเห็นในระยะ 2.5 – 3.5 เมตร รวม 3 ครั้ง หากผลการทดสอบห่างจุดที่กำหนดไม่เกินกว่า 1 นิ้ว สองในสามครั้งให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
    • การทดสอบสายตาบอดสี ให้ผู้ทดสอบดูสีเขียว สีแดง สีเหลือง จากเครื่องทดสอบหรือแผ่นทดสอบในระดับสายตาระยะไม่น้อยกว่า 3 เมตร ให้ผู้เข้ารับการทดสอบอ่านสีตามเจ้าหน้าที่กำหนดสีละ 3 ครั้ง หากอ่านได้ถูกต้อง สองในสามครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ

กำหนดการฝึกอบรมเรียนเสริมทักษะ การขับรถยนต์

ภาคทฤษฎี (รวม 1 ชั่วโมง) 

  • ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก และกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
    • สัญญาณและเครืองหมายจราจร
    • การขับขี่ตามกฏหมายจราจร
  • การขับขี่อย่างปลอดภัย
    • เทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย
  • มารยาทในการขับขี่ อาทิ เช่น มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง, ใช้ไฟสูงหรือไฟตัดหมอก เมื่อมีความจำเป็น, ไม่ควรเหยียบเบรกบ่อย, ไม่ควรขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า, รู้จักขอบคุณและขอโทษเพื่อนร่วมทาง, เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้ง เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร , เมาแล้วขับ เป็นต้น
  • ความรู้ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือ อุบัติเหตุ


ภาคปฏิบัติ (รวม 6 ชั่วโมง) 

ชั่วโมงที่ 1 – 2 หลักสูตรสอนขับรถยนต์

  • สอนความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายป้ายจรารจร
  • สอนความรู้เกี่ยวกับกฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก กฏหมายว่าด้วยรถยนต์ เบื้องต้น
  • ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย มารยาทในการขับรถและสาเหตุการเกิดป้องกันอุบัติเหตุ
  • BE-WAGON การตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นก่อนใช้งาน
    • B (Brake) เบรก ควรตรวจสอบระบบเบรกทั้งหมด
    • E (Electric) ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ทั้งหมด ทั้งไฟหน้า ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟท้าย
    • W (Water) ถังพักน้ำ ควรตรวจเช็คระบบน้ำต่างๆ ภายในรถ
    • A (Air) ตรวจเช็คระบบเกี่ยวกับลมยาง
    • G (Gasoline) ตรวจสอบถังน้ำมันเชื้อเพลิง
    • O (Oil) ตรวจเช็คน้ำมันเบรกและน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ
    • N (Noise) ตรวจสอบเสียงที่ผิดปกติของรถยนต์
  • สอนความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษารถยนต์และแนะนำอุปกรณ์ส่วนควบภายในห้องโดยสาร
  • การเตรียมพร้อมก่อนการออกรถ 8 ขั้นตอน
  • เทคนิคการจับพวงมาลัยให้ถูกต้องตามสถานการณ์ต่างๆ
  • จุดบอดในรถ ที่ต้องระวังมากขึ้นเวลาขับรถ

ชั่วโมงที่ 3 – 5

  • การขับขี่แบบหักหลบสิ่งกีดขวาง Slalom
    • การขับสลาลม Slalom คือการฝึกขับรถอ้อม กรวย ที่วางไว้ เป็นการฝึกควบคุมพวงมาลัย ควบคุมการทรงตัวของรถ ทำให้รถมีเสถียรภาพดีที่สุดเมื่อขับบนทางตรง ดังนั้นการขับอ้อมกรวย จึงต้องพยายามขับให้เฉียดกรวยมากที่สุด เพื่อให้รถวิ่งเป็นเส้นตรงมากที่สุด
  • การหักหลบสิ่งกีดขวางแบบกระทันหัน Lane Change
    • Lane Change คือ เทคนิคการเปลียน Lane กระทันหัน โดยจะต้องสัมพันธ์กับความเร็ว และ รถไม่เสียหลัก หรือ มีการถ่ายเท่น้ำหนักได้อย่างถูกต้อง
  • การแก้ปัญหารถเกิดอาการท้ายปัด Under steering
    • Under Steering อาการนี้จะพบบ่อย คือ เมื่อรถมีการเข้าโค้ง แล้วเราบังคับควบคุมทิศทางตามที่ต้องการ แต่รถไม่ไปตามทิศทางของพวงมาลัย โดยอาจจะวิ่งตรงไป หรือ ไถลตรงไป จะพบบ่อยตอนช่วงเวลาฝนตก เมือฝนตกน้ำฝนจะเป็นฟิลม์กันระหว่างยางรถยนต์กับพื้นถนน
  • การแก้ปัญหาอาการหน้ารถไถ Over steering
    • Over steering หรือ “ท้ายปัด” เป็นอาการที่เราใช้ความเร็วหรือเร่งในโค้งมากเกินไป ท้ายรถจึงเริ่มเกิดการลื่นไถลและแซงวงเลี้ยงที่เรากำหนด อาการนี้เป็นอาการที่พบบ่อยในรถที่ขับเคลื่อนล้อหลัง และจะบ่อยขึ้นในกรณีที่พื้นมีความลื่นเป็นพิเศษ เช่นเวลาฝนตก
  • การเปลียนเกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วและสถานการณ์

ชั่วโมงที่ 6

  • การฝึกหัดขับรถนอกสถานที่ตามสภาพถนนจริง

** ผู้เรียนสามารถปรับคอร์สการเรียนตามความต้องการกับครูผู้สอนได้

โดยมีการเรียนขั้นต่ำอยู่ที่ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการสอนทักษะ และฝึกฝนการขับออกถนนจริง **


สนใจ ติดต่อสอบถาม สมัครเรียน หรือ จองคิวเรียนได้ที่ โทร 063-4291001 หรือ 063-4293003

หรือ ช่องทางการติดต่อ อื่นๆ คลิก